ลืม....ตัว - ลืม....ตัว นิยาย ลืม....ตัว : Dek-D.com - Writer

    ลืม....ตัว

    หนึ่ง...เป็นบุตรชายนักการเมืองใหญ่ หนึ่ง...เป็นกำพร้าขาดพ่อขาดแม่ หนึ่ง...เป็นจักรวาลของทุกคน หนึ่ง...เป็นดาวดวงเล็ก ๆ ที่อับแสง

    ผู้เข้าชมรวม

    191

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    191

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    5
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 ก.ค. 58 / 16:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เพียงแค่ร่างผอมบางของเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินผ่านกลุ่มของผู้มีอิทธิพลประจำโรงเรียน ซึ่งนั่งอยู่ตรงโต๊ะประจำในโรงอาหารประจำโรงเรียน เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น


      กูบอกกี่ครั้งแล้ว ว่ากูไม่ได้รักมึง ไม่ได้ชอบมึง ยังไม่เข้าใจอีกหรือไง!!!


      น้ำเสียงเกรี้ยวกราดที่อยู่ ๆ ก็ดังขึ้นกลางโรงอาหาร ท่ามกลางสายตาของเด็กนักเรียนชาย หญิงแทบทุกชั้นปี ที่ต่างมองมาด้วยความสนใจเมื่อสิ้นเสียงนั้น


      ภาพที่ทุกคนได้เห็นคือเด็กหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อเหล่ามีเสน่ห์เจ้าของฉายา…..เจ้าชาย บุตรชายคนเดียวของนักการเมืองใหญ่ที่กำลังรุ่งเรืองอยู่ในสมัยนี้….ศรเทพ กำลังยืนตีหน้ายักษ์ อยู่กับเด็กหนุ่มร่างเล็กท่าทางเฉิ่มเชยผู้ซ่อนดวงตาไว้หลังแว่นสายตาเลนส์หนา นักเรียนผู้มีผลการเรียนดีเด่น….ปัตนิ ซึ่งกำลังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตรงหน้า


      ศรเทพแสดงอาการฮึดฮัดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจผลักร่างเล็ก ๆ อย่างแรง จนร่างนั้นเซล้มไปกองกับพื้น จานข้าวที่ถือมาร่วงกระจาย แล้วร่างสูงนั้นก็ก้าวข้ามผ่านไปอย่างไม่สนใจใยดี ทิ้งไว้เพียงเสียงอื้ออึงและร่างเล็กที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ท่ามกลางเศษอาหารที่เกลื่อนพื้น


      ในขณะที่ปัตนิรู้สึกงุนงงและคาดไม่ถึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ เด็กหนุ่มพยายามตั้งสติก่อนจะเอื้อมมือไปเก็บจานพลาสติกมาถือไว้เพื่อจะเอาไปเก็บเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ดวงตาคู่สวยหลังเลนส์สายตานั้นจะมีหยดน้ำตาคลอหน่วย แต่ก็ไม่มีน้ำตาแม้สักหยดที่จะไหลรินจากดวงตาคู่นั้น หากแต่ใครจะรู้เล่าว่าใจของเด็กหนุ่มกำลังร่ำไห้อย่างหนัก


      สายตาของเพื่อนนักเรียนในโรงอาหารที่เห็นเหตุการณ์มีทั้งสงสาร สะใจ สมเพชและสมน้ำหน้า ปะปนกัน ทุกคนต่างรู้ดีว่าในช่วงเวลาหนึ่ง ศรเทพตามติดปัตนิยิ่งกว่าเงาตามตัว ทั้งดูแลเอาใจใส่จนใคร ๆ ต่างก็คิดว่าทั้งคู่คงลงเอยกันในไม่ช้านี้…..แต่แค่เพียง 3 เดือน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป โดยไม่มีใครรู้สาเหตุนอกจากคนทั้งคู่เท่านั้น


      เพียงพ้นสายตาและเสียงอื้ออึงภายในโรงอาหาร น้ำใส ๆ ก็ไหลรินจากดวงตาจนเจ้าของต้องถอดแว่นสายตาออกเผยให้เห็นนัยน์ตาคู่โต ที่บัดนี้คลอไปด้วยหยาดน้ำตา


      ปัตนิสัญญากับตัวเองตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าจะไม่ร้องไห้ จะไม่อ่อนแอ และจะไม่เสียใจ เขาจะทนกับการแสดงออกของศรเทพให้ได้ จะรับมือให้ได้เหมือนที่เคยบอกฝ่ายนั้นไป


      เขาไม่ได้เสียใจที่ถูกศรเทพตะคอกใส่ ไม่ได้เสียใจที่ถูกผลักจนล้มไปกองกับพื้น ไม่ได้เสียใจที่ไม่ได้รับประทานอาหารกลางวันอย่างที่ตั้งใจ

       

      แต่เขากำลังเสียใจ…..และเจ็บใจตัวเองที่ครั้งหนึ่งเคยมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับคน ๆ นี้!

       

      แค่เธอเข้ามาทักทายยังเก็บไปคิด

      ยิ่งเธอใกล้ชิดฉันเองก็ยิ่งได้ใจ

      เลยแอบไปนอนละเมอ

      เธอคงไม่ไกล ฝันไว้คงได้รักกัน

      ไม่ดูตัวเอง ว่าควรจะอยู่แค่นี้

      ไม่มองความจริงสักที  ว่ามีเท่าไหร่

      เธออยู่ดีๆ ของเธอ เรามันเพ้อไป

      เพิ่งเริ่มเข้าใจ ตอนนี้ เผลอลืมตัว

      ว่าเราเป็นคนสำคัญ เผลอใจสั่น เมื่อยามเธออยู่กับใคร

      ผิดไปแล้ว ที่ได้ทำ ให้เธอลำบากใจ

      เผลอลืมตัว  เลยดูเป็นคนไม่ดี

      ขอโทษที ทำทำให้เธออับอาย ( ต้องอาย )

      ต่อไปนี้ ไม่ต้องห่วง เพราะฉันจะจากไป

      แม้รู้แก่ใจว่ารักเธอ

      เพลง ลืมตัว ของ Little Bird

       

      เสียงเพลงที่ดังแว่วมาจากห้องกระจายเสียงของโรงเรียน ในขณะที่ปัตนิกำลังล้างคราบน้ำตาซึ่งเปรอะเต็มสองแก้มของตนอยู่นั้น ทำให้เด็กหนุ่มหยุดชะงัก แล้วนิ่งฟังเพลงนั้นเกือบทันที


      เพลง…..ที่เหมือนจะถ่ายทอดออกมาได้ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเขามากที่สุด ดวงตากลมโตที่มักหลบซ่อนไม่ให้ใครเห็นนั้น เหม่อมองไปไกล….ความคิดล่องลอยไปถึงเหตุการณ์เมื่อ 3 เดือนก่อนอย่างช่วยไม่ได้


      ++++++++++++++++++++++++++


      ในโรงเรียน…..ไม่มีใครไม่รู้จักศรเทพ เด็กหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างสูง สมาร์ท นักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียน เจ้าชายในฝัน บุตรชายคนเดียวของนักการเมืองใหญ่…. ขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ เพราะแม้แต่ปัตนิเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้จักศรเทพ ถึงจะเป็นการรู้จักเพียงฝ่ายเดียวก็ตาม


      ก็ใครบ้างล่ะที่อยากจะรู้จักนักเรียนเฉิ่ม ๆ เชย ๆ สวมแว่นตาหนาเตอะ หน้าตาไม่ได้เรื่อง มีดีแค่ เรียนเก่งจนได้รับทุนเรียนฟรีจนถึงระดับมหาวิทยาลัย และเพิ่งย้ายเข้ามาเรียนกลางเทอมในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 อย่างเขากันเล่า


      ไม่มีหรอก….และเขาก็ชินเสียแล้ว กับการอยู่คนเดียว


      ทุกวัน…. โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นหูกวางใกล้ ๆ สนามบาสเกตบอล เป็นที่ประจำที่ปัตนิมักไปนั่งอ่านหนังสือ แต่วันนี้ที่ประจำของเขากลับมี แขกไม่ได้รับเชิญ


      ศรเทพ…..แขกไม่ได้รับเชิญ กำลังนอนหนุนแขนตัวเอง….นั่งหลับอยู่ตรงนั้น


      เด็กหนุ่มร่างบางมองอย่างแปลกใจ เพราะปกติคน ๆ นี้มักถูกห้อมล้อมด้วยคนอื่น ๆ อยู่เสมอ….เหมือนเป็นจุดศูนย์กลางของทุกคน แต่วันนี้กลับเห็นเพียงคนเดียว แล้วคนอื่น ๆ หายไปไหนหมด


      แปลก……..แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องสนใจ เด็กหนุ่มยักไหล่ก่อนจะทรุดนั่งตรงข้ามกับคนนอน ไม่อยากไปหาที่นั่งใหม่ให้เสียเวลา เพราะวันนี้เขาต้องสรุปบทเรียนให้เสร็จก่อนที่อาจารย์จะเข้าสอนคาบบ่าย


      นักเรียนดีเด่นจมอยู่กับงานที่ต้องทำจนไม่สนใจสิ่งอื่น กระทั่งได้ยินเสียงออดจึงได้เงยหน้าขึ้นมองโลก (บ้าง) แต่คนที่นอนหลับอยู่ตรงข้ามก็ยังคงหลับอยู่อย่างนั้นไม่มีทีท่าว่าจะตื่นด้วยซ้ำ


      คุณศรเทพ….คุณศรเทพ....


      ปัตนิเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา….เสียงออดออกจะดังแต่คนหลับก็ยังหลับอยู่ สงสัยว่าจะ หลับลึกเขาไม่ได้อยากปลุกหรอกนะ แต่เพื่อมนุษยธรรมจะปล่อยเจ้าชายให้ถูกแดดเผาจนสุกได้อย่างไร


      “…อืม…..อ้าว!….นายเป็นใคร?”


      ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอกแต่ได้เวลาเข้าเรียนคาบบ่ายแล้ว คุณควรจะไปเรียนได้แล้วนะ นอนอยู่ตรงนี้เดี๋ยวแดดจะเผาเอาได้ปัตนิชินเสียแล้วกับคำถาม นายเป็นใคร?” ไม่ได้เสียใจเสียความรู้สึกที่มีคน จำเขาไม่ได้เท่าไรนัก ก็นักเรียนเฉิ่มเชยไม่มีอะไรเด่นสะดุดตาอย่างเขา ใครเขาจะอยากไปจำกันเล่า


      อ้อ….ขอบใจ….ปัตนิ…” ศรเทพอ่านชื่อที่ปักด้วยด้ายสีน้ำเงินใต้อักษรย่อของโรงเรียน

      ปัตนิ  อัครวัฒน์ ใคร….เหมือนจะเคยได้ยินชื่อ แต่ทำไมไม่เคยเห็นหน้า ถ้าหากอยู่โรงเรียนเดียวกัน


      ไม่เป็นไร คุณตื่นแล้วก็ดี ผมขอตัวก่อนนะ ต้องรีบไปเข้าเรียน


      ร่างเล็กบางผละจากไปพร้อมกับหนังสือเรียนโดยไม่สนใจคนที่นั่งมองอยู่เลยแม้แต่น้อย ทิ้งให้คนที่เป็น ศูนย์กลางของโลกมองตามด้วยสายตาที่ไม่มีใครอ่านความหมายออก

       

      ++++++++++++++++++++++++++

      นั่งด้วยได้ไหม


      เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับร่างที่นั่งลงอย่างไม่รอคำตอบนั้น ทำให้ปัตนิเงยหน้าขึ้นมองคนพูดอย่างงง ๆ …..ถามเอง….ตอบเองแล้วจะถามทำไม หากคนตรงหน้ายิ่งทำให้นักเรียนดีเด่นงุนงงหนักเข้าไปใหญ่……ศรเทพ


      “….โต๊ะอาหารของโรงเรียน ไม่ใช่ของส่วนตัว….ใครจะนั่งก็ได้
      เด็กหนุ่มเอ่ยในที่สุด ถึงแม้จะนึกสงสัยหรือแปลกใจที่เห็นเจ้าชายเป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์ แต่ก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยนั้นไว้ แถมสายตาของเพื่อนนักเรียนที่มองมาก็ยิ่งทำให้ต้องนั่งรับประทานอาหารไปอย่างเงียบ ๆ  เพราะไม่เคยชินกับการตกเป็นเป้าสายตาของใคร ท่าทาง….ชีวิตในโรงเรียนของเขาจะหาความสงบสุขได้ยากซะแล้ว


      ปกติ….ทานข้าวคนเดียวเหรอ
      “…………………”


      อยู่ ๆ ศรเทพก็เอ่ยถามขึ้น หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างรับประทานอาหารของตนโดยไม่มีเสียงพูดคุยมาได้ครู่ใหญ่ ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนแทบทั้งโรงอาหาร
      ก็ใครจะไม่สงสัยเล่า เพราะอยู่ ๆ  “เจ้าชายก็มานั่งอยู่กับ ไอ้เฉิ่มนั่น
      ปัตนิไม่ได้ตอบคำถาม เพราะกำลังนึกทบทวนสูตรคณิตศาสตร์ที่เพิ่งได้เรียนไป จึงไม่ได้สนใจฝ่ายตรงข้ามเท่าไรนัก


      ปัตนิ….ได้ยินที่ผมถามหรือเปล่า


      ศรเทพถามย้ำเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเฉย คนที่เคยได้รับความสนใจจากคนรอบข้างอย่างเขารู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย


      “….ผมเพิ่งย้ายมา ยังไม่รู้จักใครน่ะ” …..และไม่เดือดร้อนหรอกที่จะต้องกินข้าวคนเดียว ประโยคนี้ปัตนิตอบเพียงในใจแต่ไม่ได้เอ่ยออกมา มองสบสายตาของลูกชายนักการเมืองอย่างไม่เข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายมากนัก   
      ไม่มีเพื่อนเป็นมนุษย์….เขาก็ยังมี หนังสือเป็นเพื่อน

      งั้น….ผมจะมาทานข้าวด้วยทุกวัน


      ไม่….”


      ปัตนิยังไม่ทันได้เอ่ยปากปฏิเสธ ร่างสูงก็ลุกไปพร้อมกับจานอาหารของตนและของปัตนิ โดยที่เด็กหนุ่มร่างบางได้แต่นั่งอึ้ง เหมือนกับเจ้าของสายตาหลายต่อหลายคู่ในโรงอาหารที่แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง


      ศรเทพคนนั้นเก็บจานให้คนอื่นด้วย!!!! สงสัยทุกคนคงกำลังอยู่ในความฝันแน่ ๆ 
      แล้วหลังจากนั้นไม่ว่าเด็กหนุ่มนักเรียนดีเด่นจะอยู่ที่ไหน ทุกคนก็มักจะได้เห็นร่างสูงของ เจ้าชายอยู่ที่นั่นด้วยเสมอ จนเป็นภาพชินตาและกลายเป็นความเคยชินไปในที่สุด


      ++++++++++++++++++++++++++


      คุณ….ไม่จำเป็นต้องอยู่กับผมตลอดก็ได้นะ


      ปัตนิเอ่ยขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปกว่า 2 เดือน และตัวตนของศรเทพค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาในใจเขาอย่างช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว


      การที่เด็กหนุ่มร่างสูง หยุดอยู่ข้าง ๆ เขาโดยไม่สนใจสายตาใคร ทำทุกอย่างให้เป็นไปโดยธรรมชาติ ทำให้คนที่ไม่เคยได้รับความสนใจจากใครอย่างเขารู้สึกเต็มตื้น แม้ชั่วขณะหนึ่งจิตใต้สำนึกจะสั่งให้ระมัดระวังหัวใจตัวเอง แต่… “ความรักมันห้ามกันไม่ได้


      ผมอยากอยู่กับคุณ….ไม่ได้เหรอศรเทพเอ่ยเสียงอ้อน มือใหญ่เอื้อมไปจับมือเล็กที่เจ้าของวางไว้ข้างตัวมากุมไว้ ทั้งคู่กำลังนั่งอยู่ด้วยกันที่ โต๊ะประจำข้างสนามบาสเก็ตบอลของนักเรียนดีเด่นนั่นเอง


      เพื่อน ๆ คุณจะว่าได้ ที่คุณเอาแต่อยู่กับผมจนไม่สนใจพวกเขาปัตนิบอกตามตรง เพราะหลายครั้งที่เขาได้เห็นสายตากลุ่ม เพื่อนของศรเทพ รวมถึงสายตาของคนอื่น ๆ ที่มักจะรายล้อมอยู่รอบ ศูนย์กลางของทุกคนมองมาที่เขาสองคน มองด้วยสายตาแปลก ๆ …..สายตา….ที่เขาเดาความหมายนั้นไม่ออก


      บางครั้งเขาก็นึกฉงนในใจ…..ทั้ง ๆ ที่เรื่องเรียนสามารถเรียนรู้ได้โดยง่าย ทำข้อสอบได้คะแนนเต็มร้อย แต่เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับศรเทพคนที่เคยสอบได้คะแนนเต็มอย่างเขา กลับเรียนไม่รู้เรื่องและทำข้อสอบนี้ไม่ถูกอยู่ร่ำไป


      ไม่มีใครว่าอะไรคุณได้หรอก….ผมรับรอง


      ศรเทพยิ้มบาง ๆ ให้คนตรงหน้า เป็นรอยยิ้มที่ทำให้เจ้าของมือเล็กที่เขากอบกุมอยู่ต้องเสไปอ่านหนังสือต่ออย่างเก้อเขิน ก่อนจะมองเลยไปยังกลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงสนามบาสเก็ตบอล รอยยิ้มนั้นจึงเปลี่ยนไป!!!


      ++++++++++++++++++++++++++


      ไหน…..ศร….บอกว่าไม่นานไงล่ะ


      เสียงที่ได้ยินในขณะที่กำลังเดินผ่าน ทำให้ปัตนิหยุดเดินเกือบทันที เด็กหนุ่มกำลังตัดสินใจเดินผ่าน หากไม่ได้ยินเสียงคุ้นหูของใครคนหนึ่งเข้าเสียก่อน…….เสียงของศรเทพ….


      ก็อีกไม่นานไง….มันยังไม่ครบ 3 เดือนที่เราตกลงกันเลยนะ


       “จัดการเสียทีสิ….ถ้าทำได้เงิน 50,000 บาท ก็เป็นของมึงตามที่พนันกันไว้….อย่าลืมถ่ายคลิปมาด้วยล่ะ


      อีกไม่กี่วันหรอก มึงรอดูไปไอ้อาร์ต เดี๋ยวไอ้เด็กเรียนนั่นต้องเสร็จกูแน่ มึงได้ดูคลิปกูกับไอ้เด็กนั่นแน่ มึงเตรียมเงินไว้เถอะ


      รีบจัดการเร็ว ๆ นะศร….กวางไม่ชอบเลยที่ต้องเห็นศรไปอี๋อ๋อกับเด็กนั่น….กวางเป็นแฟนศรนะ….”


      รอ…..”


      คนพวกนั้นจะพูดเรื่องอะไรกันต่อปัตนิไม่ได้อยู่ฟังจนจบ ความจริงที่เขาบังเอิญได้ยิน ทำให้ต้องหันหลังเดินกลับไปทางเดิม ทว่าสองขาที่ก้าวเดินเหมือนจะอ่อนแรงจนต้องหาที่นั่งพัก สมองครุ่นคิดเรื่องราวที่ผ่านมาอย่างช้า ๆ ขณะที่น้ำตากลับไหลออกมาจนต้องถอดแว่นสายตาออกมาเช็ด


      ไม่ใช่ปัตนิไม่เคยผิดสังเกต ไม่ใช่ไม่เคยรับรู้ แต่ ใจที่ถลำลึกไปแล้วหยุดทุกอย่างไว้
      หากเมื่อได้หยุดคิด….ได้หยุดไต่ตรอง เด็กหนุ่มจึงเริ่มเข้าใจเหตุผลที่คนอย่างศรเทพยอมเสียเวลาอยู่กับเขา เริ่มเข้าใจสายตาที่ คนพวกนั้นมองมา….สายตาที่บ่งบอกถึงความสมเพชและสะใจ

      ความรักของเขา….ความรู้สึกที่เขาไม่เคยมีให้ใครนั้น มีค่าเพียงแค่เงิน 50,000 บาท เท่านั้นเองหรือ?

      ++++++++++++++++++++++++++

      ในวันที่เวลาผ่านไปครบ 3 เดือน 


      เด็กหนุ่มร่างสูงกับดอกกุหลาบที่ปรากฏสู่คลองจักษุไม่ได้สร้างความแปลกใจให้แก่ปัตนิเท่าไรนัก เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าศรเทพต้องทำอย่างนี้แน่ ๆ ตั้งแต่วันที่ได้ยิน ความจริงนั้น นักเรียนดีเด่นทำเหมือนตัวเองไม่รู้เรื่องอะไร ยังคงปล่อยให้ลูกชายนักการเมืองตามติดดั่งเงาตามตัวเช่นเดิม แต่ความรักที่เคยมีให้อีกฝ่ายนั้นกลับลดน้อยถอยลงไป เด็กหนุ่มเริ่มเรียนรู้ที่จะเผื่อใจไว้สำหรับความผิดหวังที่ต้องเกิดขึ้น 


      ปัตนิ….เป็นแฟนกับผมนะ

      คำพูดเขิน ๆ กับดอกกุหลาบที่ถูกยื่นมาตรงหน้า หากเป็นคนอื่นเมื่อถูกเจ้าชายในฝันขอเป็นแฟนคงดีใจและรีบตอบตกลง แต่ไม่ใช่กับคนที่รู้ความจริงทุกอย่างแล้วอย่างปัตนิ เด็กหนุ่มทำแค่เพียง มองดอกกุหลาบในมือใหญ่นั้น และมองเลยไปยังกลุ่มคนหน้าสนามบาสเก็ตบอลกลุ่มนั้น ก่อนจะกลับมามองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกผิดหวังมากกว่าเดิม


      ผมไม่ชอบผู้ชาย….และเราเป็นเพื่อนกันอย่างนี้ดีกว่านะศรเทพไอ้เฉิ่ม….ของหลาย ๆ คนเอ่ยเสียงเรียบ แต่ก็สงผลให้คนที่ไม่เคยถูกใครปฏิเสธมาก่อนกำมือแน่นอย่างระงับความโกรธที่กำลังปะทุขึ้นมา 


      ถ้าหากการแสดงออกหลาย ๆ อย่างของผมที่ผ่านมาทำให้คุณเข้าใจผิด ผมต้องขอโทษด้วย


      หนุ่มร่างเล็กก้มศีรษะน้อย ๆ เป็นเชิงขอโทษ พยายามไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมามากไปกว่าที่กำลังทำอยู่ 

      ทำไมเขาจะไม่เห็นมือใหญ่ที่กำแน่น

      ทำไมจะไม่รู้ว่าคนเจ้าอารมณ์กำลังระงับอารมณ์เต็มความสามารถ

      ขอตัวก่อนนะครับ….” ปัตนิรวบหนังสือ 2 – 3 เล่มบนโต๊ะมาถือไว้ ตั้งท่าจะผละหนีจากสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกตรงหน้า หากไม่ทันก้าวเดินไปไหนเสียงเข้ม ๆ บ่งบอกอารมณ์ของคนตรงหน้าก็ดังขึ้นเสียก่อน

      สงสัยว่าคงระงับอารมณ์ไม่ได้…..

      เดี๋ยวก่อน!....มึงนึกว่ากูจะสนใจคนอย่างมึงงั้นเหรอ!ศรเทพตะคอกใส่คนที่กล้าปฏิเสธเขา ไม่สนใจแล้วไอ้เงินพนันแค่ 50,000 บาทนั่น


      ไอ้หน้าจืดอย่างมึงน่ะ ถ้าเพื่อนกูไม่ท้าพนัน กูก็ไม่เข้าใกล้มึงหรอก! รู้เอาไว้ด้วยอารมณ์โกรธ ฉุนเฉียว ทำให้เด็กหนุ่มร่างสูงเอ่ยเรื่องที่เขารับพนันเพื่อนมาอย่างไม่ทันคิด

      แต่ใครจะไปสนใจล่ะ!! ตอนนี้เขารู้อย่างเดียวว่าเขากำลังโกรธ…..โกรธไอ้หน้าจืดที่ทำให้เขาต้องเสียเวลาตามติดอยู่ตั้ง 3 เดือน โดยไม่ได้ได้อะไรอย่างนี้

      เสียเวลาเปล่า!

      “…..ครับ….เท่านี้ใช่ไหมครับที่คุณอยากบอก แล้วถ้าคุณจะเลิกสนใจ เลิกเป็นเพื่อนกับผมต่อไปก็ไม่เป็นไรครับ….ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ

      ปัตนิเอ่ยทิ้งท้ายเหมือนไม่สนใจก่อนเดินจากมา ในขณะที่กลุ่มคนหน้าสนามบาสเริ่มเดินเข้ามาหาร่างสูง ศูนย์กลางจักรวาล 

      ศรเทพ….เกิดอะไรขึ้น!


      กวางวิ่งมาเกาะแขนแฟนหนุ่มพลางเอ่ยถามอย่างอย่างสงสัยระคนแปลกใจ ที่เห็น ไอ้เฉิ่มเดินจากไปอย่างไม่เหลียวหลัง แถมยังไม่ยอมรับดอกกุหลาบที่ลูกชายนักการเมืองอุตสาห์ถือมาด้วย


      ไม่สำเร็จใช่ไหมล่ะ…..” อติเทพเอ่ยถามยิ้ม ๆ เหมือนรู้ผลลัพธ์นั้นอยู่แล้ว 


      เออ!!! เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเอาเงินมาให้…..แล้วมึงจำไว้เลยนะอาร์ต ไอ้จืดนั่นกับกูต้องเห็นดีกันแน่!!!

      ++++++++++++++++++++++++++


      ปัตนิถอนใจยาวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาระหว่างตนกับลูกชายนักการเมือง เด็กนักเรียนดีเด่นอย่างเขาจะเอาอะไรไปสู้กับอิทธิพลและอำนาจเงินของอีกฝ่ายได้ เมื่อไม่ยอมเป็น ของเล่นซ้ำยังถูกหมายหัว ทุกวันเด็กหนุ่มจึงต้องทนรับการกลั่นแกล้งทุกรูปแบบ

      โดยเฉพาะการกลั่นแกล้งที่พลิกกลับให้ฝ่ายนั้นเหมือนเป็นฝ่ายถูกเขาตามตื้อแทน ให้เขากลายเป็นคนน่ารังเกียจในสายตาของทุกคน เหมือนเหตุการณ์ในโรงอาหาร
       
      “…คุณควรจะสู้ ไม่ใช่ยอมอยู่อย่างนี้

      ผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่ถูกยื่นมาตรงหน้าในขณะที่ปัตนิกำลังล้วงมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกไว้เป็นประจำในกระเป๋ากางเกงนักเรียน ทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้ามองเจ้าของผ้าผืนน้อยก่อนถอนใจยาวอีกครั้ง

      คนหนึ่งไป….คนหนึ่งมา….เขาไม่เข้าใจตรรกะความคิดของคนพวกนี้จริง ๆ 

      ขอบคุณ….แต่ผมมีของผมแล้วผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กจากกระเป๋ากางเกงถูกหยิบออกมาเช็ดหน้าตัวเอง เป็นการปฏิเสธความหวังดีอย่างสุภาพ พยายามไม่สนใจคนตรงหน้ามากนัก 

      …..อาร์ต….อติเทพ….

      เขาไม่อยากลืมตัว…..คิดไปเองและไม่อยากหวั่นไหวต่ออะไรง่าย ๆ อีกแล้ว


      +++++++++++The End ++++++++++

      คุยตอนจบ

      เรื่องสั้นนี้จบแล้วค่ะ พยามยามแต่งให้จบ อาจจะอ่านไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนะ เราคิดพล็อตนี้ได้ตอนที่ได้ฟังเพลงลืมตัว ไม่เคยแต่งเรื่องสั้นเลย แต่งที่ไรยาวทุกที นี่เป็นเรื่องแรกที่แต่ง ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×